5 ปัจจัยสำคัญ ที่มีผลต่อความเร็วในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า มีอะไรบ้าง

สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า และมีติดตั้ง EV Charger อยู่ที่บ้าน คุณเคยสงสัยกันใช่ไหมว่าทำไมความรวดเร็วในการชาร์จพลังงานจากเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Charger ในแต่ละครั้ง ถึงใช้เวลาไม่เท่ากัน บางทีก็ช้า บางครั้งก็เร็ว ใครที่อยากรู้คำตอบเรื่องนี้ Feico วันนี้ เราขอตอบให้

ต่อไปนี้คือ 5 ปัจจัยหลักสำคัญ ที่ส่งผลต่อความเร็วในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

  1. ปริมาณขนาดหรือความจุของแบตเตอรี่

เพราะแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ( Electric Vehicle ) คือปัจจัยสำคัญที่สามารถกำหนดความเร็วในการชาร์จพลังงาน ยิ่งปริมาณความจุของแบตเตอรี่มีมากเท่าใด ระยะเวลาในการชาร์จพลังงานให้เต็มที่ก็จะใช้เวลานานยิ่งขึ้น ดังนั้น ก่อนถอย รถ EV ใหม่สักคัน คุณต้องเลือกขนาดและความจุของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ที่เหมาะสมต่อการใช้งานและการเดินทาง

  1. ค่ากำลังไฟฟ้าจากเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

เนื่องจากเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Charger มีรูปแบบการชาร์จอยู่ 2 ประเภท คือ Quick Charge ( DC ) และ Normal Charge ( AC ) ค่ากำลังขับการชาร์จจึงมีความแตกต่างกัน

สำหรับกำลังขับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รูปแบบ Quick Charge ( DC ) โดยทั่วไปจะมีกำลังขับสูงกว่า 30 กิโลวัตต์ ถึง 200 กิโลวัตต์ มีระยะเวลาในการชาร์จสั้นๆ ตั้งแต่ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง สามารถหาพบได้ตามจุดชาร์จรถไฟฟ้า ( EV Charger Station ) ตามสถานีจุดบริการ

และรูปแบบ Normal Charge ( AC ) มีกำลังขับทั่วไปอยู่ที่ 7 กิโลวัตต์, 11 กิโลวัตต์ และ 22 กิโลวัตต์ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้จะชาร์จพลังงานได้ช้ากว่า DC เพราะตัวเครื่องจะจ่ายไฟ AC ให้เป็น DC ต่อด้วยการจ่ายไฟตรงเข้ามาที่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งโดยส่วนใหญ่รูปแบบการชาร์จ AC จะเป็นการติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน

  1. สภาวะอากาศและสิ่งแวดล้อม

อุณหภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นับเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า ( EV Battery )

เพราะแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจะทำงานได้อย่างเหมาะสม หากอยู่ในสภาวะอุณหภูมิระหว่าง 20 ถึง 25 องศา ยิ่งหากอุณหภูมิมีอัตราลดลงเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการชาร์จก็จะช้าลงด้วยเช่นกัน ในขณะเดียวกัน หากแบตเตอรี่ รถ EV อยู่ในพื้นที่อุณหภูมิสูง ตัวระบบก็จะใช้พลังงานมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ความรวดเร็วในการชาร์จพลังงานก็จะช้าลงด้วยเช่นกัน

  1. แจกจ่ายพลังงานส่วนอื่นๆ ระหว่างการชาร์จ

รู้หรือไม่ว่าการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในแต่ละครั้ง พลังงานในตัวเครื่องจะมีการแจกจ่ายไปใช้ยังส่วนอื่นๆ ด้วย เช่น เครื่องปรับอากาศในห้องโดยสาร เครื่องทำความร้อน แสงไฟ วิทยุ และเหล่าอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ใน รถ EV ซึ่งเป็นที่มาของการแสดงกิโลวัตต์บนที่ชาร์จที่มักจะสูงกว่าบนหน้าปัดเพียงเล็กน้อยนั่นเอง

  1. แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเสื่อมสภาพ

เป็นธรรมดาที่เมื่อระยะเวลาผ่านไป ประสิทธิภาพการใช้งานอุปกรณ์เครื่องใช้ก็ย่อมต้องมีวันเสื่อมสภาพตาม แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าก็เช่นกัน ที่อาจมีวันสูญเสียประสิทธิภาพในการชาร์จพลังงาน

เพราะตามหลักการ หากเมื่อ ค่า soc แบตเตอรี่ ถึง 80 – 85 เปอร์เซ็นต์เมื่อไหร่ ขอแนะนำให้หยุดชาร์จโดยทันที เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่ร้อนจนเกินไป แต่ยังช่วยประหยัดเวลา เนื่องจากอัตราการชาร์จจะลดลงเมื่อแบตเตอรี่ใกล้เต็มนั่นเอง

สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าคนไหนที่กำลังมองหาตัวแทนบริการ รับติดตั้ง ev charger ที่บ้าน พวกเรา Feico พร้อมให้ทุกคำปรึกษาและดูแลตลอดบริการ พร้อม “Huawei Fusion Charge AC” เทคโนโลยีเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Charger สุดอัจฉริยะ ที่มีความโดดเด่นด้านการชาร์จที่รวดเร็ว และยังสามารถตั้งค่าช่วงเวลาที่ต้องการชาร์จได้อย่างสะดวกปลอดภัย

Related Articles